โครงสร้างกระจายน้ำหนักพื้นยก (Shared Load Structure) – เพิ่มความแข็งแรงให้พื้นอาคารสูงสุด!
![]() |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โครงสร้างกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) ในระบบพื้นยก: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้โครงสร้างกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) คืออะไร?โครงสร้างกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) คือ โครงสร้างเหล็กที่ช่วยกระจายน้ำหนักของสิ่งของหนักที่วางอยู่บนพื้นยก (Raised Floor) ไปยังหลายจุดเพื่อลดแรงกดเฉพาะที่ โดยโครงสร้างนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงกดที่เกิดขึ้นเฉพาะจุด ช่วยให้พื้นอาคาร รับแรงได้อย่างสมดุล ลดโอกาสที่พื้นจะแตกร้าว โก่งตัว หรือเสียหาย โดยเฉพาะในกรณีที่น้ำหนักที่กระทำบนพื้นยกเกินกว่าค่าที่พื้นอาคารเดิมสามารถรองรับได้ โครงสร้างนี้สามารถทำได้โดยการใช้ โครงเหล็ก (Steel Structure) หรือแผ่นเหล็กกระจายน้ำหนัก (Shared Load Plate) ซึ่งจะช่วยรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าการใช้ขาตั้งพื้นยกแบบเดี่ยว ๆ (Pedestal System) โดยปกติแล้ว พื้นอาคารที่อยู่ใต้พื้นยก (Raised Floor / Access Floor) มีขีดจำกัดในการรับน้ำหนัก หากมีอุปกรณ์หนัก เช่น ตู้เซิร์ฟเวอร์ เครื่องจักร หรือชั้นวางสินค้า อยู่บนพื้นยกโดยไม่มีระบบกระจายน้ำหนักที่ดี อาจทำให้พื้นอาคารเกิด การโก่งตัว แตกร้าว หรือความเสียหาย ได้ โครงสร้างกระจายน้ำหนักจึงมีบทบาทสำคัญในการ เพิ่มความมั่นคงให้กับพื้นยกและป้องกันความเสียหายของพื้นอาคาร
เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่าทำไมต้องใช้โครงสร้างกระจายน้ำหนักกับพื้นยกเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันรองเท้าส้นสูง vs. แผ่นไม้
เครื่องจักรบนพื้นเปียกแฉะ
✅ โครงสร้างกระจายน้ำหนักสำหรับพื้นยกก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน!
การเปรียบเทียบการรับน้ำหนัก: มี VS ไม่มีโครงสร้างกระจายน้ำหนัก
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีโครงสร้างกระจายน้ำหนักพื้นอาคารอาจแตกร้าวหรือโก่งตัว – เนื่องจากแรงกดทับกระทำที่จุดเล็ก ๆ
หลักการทำงานของโครงสร้างกระจายน้ำหนักโครงสร้างกระจายน้ำหนักถูกออกแบบให้ ลดแรงกดเฉพาะจุด (Point Load) และช่วยกระจายแรงไปยังพื้นที่กว้างขึ้น (Distributed Load) เพื่อให้พื้นยกสามารถรองรับน้ำหนักได้โดยไม่เกิดความเสียหาย หลักฟิสิกส์ของการกระจายน้ำหนักน้ำหนักที่กดลงบนพื้นยกสามารถแสดงเป็น แรงกด (Force) และพื้นที่รองรับ (Area)
✅ โครงสร้างกระจายน้ำหนักทำให้แรงกดจากอุปกรณ์ถูกส่งไปทั่วพื้นยก และถ่ายแรงไปยังขาตั้งและต่อด้วยโครงเหล็กกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) ด้านล่าง
ตัวอย่างปัญหาหากไม่มีโครงสร้างกระจายน้ำหนักศูนย์ข้อมูล (Data Center)✅ ปัญหา: ตู้เซิร์ฟเวอร์แต่ละตู้มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม แต่ที่มีขา 4 จุด กดน้ำหนักลงพื้นยกมาก อาจทำให้พื้นอาคารแตกร้าว โก่งตัว หรือเสียหาย โรงงานอุตสาหกรรม✅ ปัญหา: เครื่องจักรขนาดใหญ่กดทับที่พื้นอาคารโดยตรง อาจทำให้พื้นอาคารเสียหาย ห้องควบคุมไฟฟ้า (Electrical Control Room)✅ ปัญหา: อุปกรณ์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมาก และต้องการความมั่นคง
โครงสร้างกระจายน้ำหนักที่ใช้ในระบบพื้นยกมีอะไรบ้าง?1️⃣ แผ่นเหล็กกระจายน้ำหนัก (Shared Load Plate)
2️⃣ โครงเหล็กเป็นฐานรองรับ (Steel Subframe)
3️⃣ โครงเหล็กแบบตาข่าย (Steel Grid Framework)เป็นโครงสร้างเหล็กที่ออกแบบเป็นตารางเพื่อช่วยกระจายแรง
โครงสร้างเหล็กรองรับพื้นยกแบบกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure with Steel Grid Framework)โครงสร้างเหล็กที่รองรับพื้นยกช่วย กระจายน้ำหนักให้กับพื้นอาคาร มากกว่าการใช้แค่ขาตั้งพื้นยกเพียงอย่างเดียว โครงสร้างเหล็กช่วยถ่ายเทน้ำหนักอย่างไร?1️⃣ น้ำหนักจากอุปกรณ์ที่วางบนพื้นยก → ถูกกระจายไปที่แผ่นพื้นยก ✅ ข้อดีของการใช้โครงสร้างเหล็ก
เปรียบเทียบพื้นยกแบบขาตั้งธรรมดา VS แบบโครงสร้างเหล็กรองรับ (Shared Load Structure)
การออกแบบโครงสร้างเหล็กให้เหมาะสมกับพื้นยกA. รูปแบบโครงสร้างเหล็ก✅ Grid Layout (โครงเหล็กแบบตาราง) – เพื่อช่วยกระจายแรงหรือกระจายน้ำหนักได้ทั่วถึง
ตัวอย่าง
B. การถ่ายน้ำหนักจากโครงเหล็กลงพื้นอาคาร✅ บริเวณที่โครงเหล็กสัมผัสกับพื้นต้องแข็งแรงพอ
ตัวอย่าง
C. วิธีเชื่อมต่อพื้นยกกับโครงเหล็ก✅ ใช้ Epoxy Glue ให้มั่นคง ในกรณีการติดตั้งตามมาตรฐานปกติ การใช้งานจริงของโครงสร้างเหล็กกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) ในพื้นยก
โครงสร้างกระจายน้ำหนักทำงานอย่างไร?เมื่อมีอุปกรณ์หนักวางอยู่บนพื้นยก น้ำหนักของมันจะถูกกระจายไปตามโครงสร้างพื้นยกดังนี้ 1️⃣ น้ำหนักจากอุปกรณ์ → กระจายไปยัง แผ่นพื้นยก หากไม่มีโครงสร้างกระจายน้ำหนัก
วิธีการออกแบบโครงสร้างกระจายน้ำหนักให้เหมาะสม1️⃣ คำนวณน้ำหนักที่ต้องรองรับ✅ ตรวจสอบ น้ำหนักรวมของอุปกรณ์ เช่น เซิร์ฟเวอร์, ตู้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักร 2️⃣ เลือกประเภทโครงสร้างที่เหมาะสม✅ ถ้าต้องรองรับน้ำหนักสูง → ใช้ โครงเหล็กเสริมรองรับพื้นยก 3️⃣ วางตำแหน่งขาตั้งและคานเหล็กให้เหมาะสม✅ ถ้าใช้แผ่นพื้นยกขนาด 600x600 มม. → ควรวางคานเหล็กทั้งแนวตั้งและแนวนอนทุกระยะ 600 มม.
สรุป: ทำไมโครงสร้างเหล็กกระจายน้ำหนัก (Shared Load Structure) จึงสำคัญในระบบพื้นยก?✅ ช่วยกระจายน้ำหนัก – ลดแรงกดเฉพาะจุด ลดความเสี่ยงในการแตกร้าวหรือโก่งตัวของพื้น ✅ รับน้ำหนักได้มากขึ้น – ใช้ใน Data Center และโรงงานอุตสาหกรรม ✅ เพิ่มความแข็งแรงของพื้นอาคาร – ลดปัญหาการโก่งตัวในกรณีที่ต้องน้ำหนักที่สูงเกินความสามารถการรับน้ำหนักของพื้น ✅ รองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีน้ำหนักสูง – เช่น ศูนย์ข้อมูล, โรงงาน, ห้องควบคุมไฟฟ้า ✅ ลดแรงสั่นสะเทือน – เหมาะกับห้องปฏิบัติการและพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว ✅ ลดภาระของพื้นอาคาร – ทำให้พื้นอาคารรับแรงได้อย่างสมดุล
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม หรือคำนวณโครงสร้างเหล็กที่เหมาะสม ติดต่อ BSP (2512) เราพร้อมทีมงานวิศวกรผู้ขำนาญการช่วยคุณออกแบบและติดตั้งระบบพื้นยกที่แข็งแรงที่สุด! |